เมื่อไหร่ที่ถึงเช้าตรู่ของวันจันทร์ทีไร เชื่อว่าหลาย ๆ
คนที่ต้องตื่นนอนไปทำงานต่างก็พร่ำบ่นออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า
"วันจันทร์อีกแล้วเหรอเนี่ย ยังขี้เกียจอยู่เลย"
สาเหตุส่วนหนึ่งอาจเพราะคุณไม่มีความสุขยามอยู่ที่ทำงาน เพื่อนร่วมงานนิสัยแย่
หรือไม่ชอบงานที่รับผิดชอบในปัจจุบัน จึงทำให้หมดไฟไม่กระตือรือร้นที่จะมาทำงาน
แต่ของแบบนี้บางทีมันอยู่ที่วิธีคิดของแต่ละคน
ว่าจะหาความสุขจากสิ่งที่ทำได้อย่างไร เอาเป็นว่าวันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ
ในการสร้างความสุขในสถานที่ทำงานมาฝากให้คุณได้ลองนำไปใช้ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น
ลองไปชมพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า
1. มองโลกในแง่บวก
หากเปิดใจมองโลกให้กว้างขึ้น
บางทีชีวิตที่ออฟฟิศมันก็ไม่ได้เลวร้ายซะขนาดนั้นหรอก ใช่!
คุณอาจเบื่องานที่ทำอยู่ทุกวี่ทุกวัน ทว่าสิ่งที่ได้มาคือค่าตอบแทนที่สูงอยู่มิใช่?
เจ้านายสุดจะปลื้มปิติกับผลงานที่ยอดเยี่ยมของคุณ
หรือกระทั่งมีสาวสวยยังโสดเป็นเพื่อนร่วมงานอยู่รายล้อมเต็มไปหมด เห็นไหมล่ะ จริง
ๆ เรื่องดี ๆ อาจอยู่รอบตัวก็เป็นได้ หากรู้จักมองโลกในแง่บวก
2. ไม่จำเป็นต้องทำให้คนรอบข้างพอใจทุกคน
เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะทำให้คนที่อยู่รอบตัวมีพอใจและชอบคุณได้ทุกคน
ของแบบนี้บางทีความพยายามอยู่ข้างเดียวมันก็ไม่ได้ผล เพราะคนเราคิดไม่เหมือนกัน
สิ่งที่คุณคิดว่าดี เขาอาจไม่ชอบก็เป็นได้
และหากคุณยิ่งคาดหวังว่าเพื่อนร่วมงานจะต้องรู้สึกอย่างที่คุณต้องการ
แล้วผลที่ได้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด คราวนี้ก็นอยด์อีก
ฉะนั้นอย่าไปคาดหวังว่าต้องทำให้คนรอบตัวพอใจ รวมทั้งอย่าเก็บเอาคำพูดที่แย่ ๆ
ของคนอื่นมาใส่ใจด้วย
3. กล้าคิดกล้าตัดสินใจ
การก้มตาก้มตาทำงานของตัวเองไปเรื่อย
ๆ โดยไม่มีปากมีเสียงกับใครเลยมันก็ดีอยู่หรอก แต่บางครั้งคุณก็ต้องกล้าแสดงความคิดเห็นและกล้าตัดสินใจด้วยตัวเองดูบ้าง
หากพบว่าบางอย่างไม่ถูกต้องหรือมีเหตุผลที่ดีกว่า
ไม่ใช่เอะอะก็เออออห่อหมกตามน้ำกันไป
เพราะเจ้านายหลายคนก็ใจกว้างพอจะรับฟังความเห็นของคุณอยู่แล้ว
อยู่ที่คุณเองนั่นแหละจะกล้าเดินเข้าไปหาเขารึเปล่า
4. ทานอาหารเพื่อสุขภาพ
การเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อความสุขใน
การทำงานของคุณได้เหมือนกัน
ลองคิดดูสิว่าหากคุณเอาแต่ซื้ออาหารฟาสท์ฟู้ดมานั่งกินไปด้วยทำงานไปด้วยทุก วัน ๆ
มันจะน่าเบื่อขนาดไหน แถมมีแต่ของที่ไม่มีคุณค่าต่อสุขภาพทั้งนั้น
สู้ลองออกไปหาอาหารที่ให้สารอาหารครบถ้วนทานข้างนอกจะดีกว่า
นอกจากจะได้เลือกทานในสิ่งที่ชอบและมีประโยชน์แล้ว
ยังเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้ดูน่าเบื่อจนเกินไปอีกต่างหาก
5. ทำความรู้จักกับเพื่อนคนอื่นบ้าง
แม้ออฟฟิศจะเป็นสถานที่ทำงานซึ่งต่างคนต่างมาทำหน้าที่ของตัวเองที่นี้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นชีวิตคนเราก็ยังต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างด้วยเช่น กัน
ซึ่งเพื่อนร่วมงาน นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญอีกข้อที่มีผลต่อความสุขในที่ทำงานของเรา
ถ้าวัน ๆ เอาแต่นั่งทำงานหัวโตคนเดียว ไม่คุย ไม่ปรึกษาใครเลย ช่วงเวลา 9 ชั่วโมงที่ออฟฟิศจะน่าเบื่อขนาดไหน แต่หากคุณมีเพื่อนที่น่ารัก
คอยช่วยเหลือ และให้กำลังใจอยู่เสมอ
ต่อให้งานหนักก็มีแรงฮึดทำให้สำเร็จได้แหละหน่า
6. ถามฟีดแบ็คการทำงานของตัวเองจากหัวหน้างาน
หากอยากทราบศักยภาพการทำงานของตัวเองว่าทำได้ดีแค่ไหน
คุณก็ลองขอความเห็นจากหัวหน้างานที่คุณอยู่ใต้บังคับบัญชาดูสิ ทั้งนี้ทั้งนั้น
หากคุณทำผลงานออกมาได้ดีก็ถือเป็นความภาคภูมิใจที่อุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายแรง
ใจมาอย่างเต็มที่ ซึ่งใครจะรู้อาจจะได้โบนัสหรือเลื่อนตำแหน่งเป็นรางวัลตอบแทน แต่ถ้าผลงานตกลงก็อย่าเฟลล์ให้มากนักล่ะ
แต่ให้เอาข้อบกพร่องทั้งหมดที่หัวหน้าชี้แจงมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อพัฒนาตนเอง ต่อไป
7. มีอารมณ์ขันซะหน่อยสิ
แม้จะอยู่ในเวลางานก็จริง
แต่การสร้างอารมณ์ขันหรือพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อน ๆ ตัวฮาบ้าง ก็ช่วยให้บรรยากาศในการทำงานมีความสุขมากขึ้น
ดีกว่ามานั่งทำหน้าเครียดใส่กันให้เสียอารมณ์กันเปล่า ๆ
8. ให้รางวัลกับตัวเอง
ไหน ๆ
ก็ลุยโปรเจคท์งานสุดหินผ่านมาได้ฉลุยแล้ว ก็ให้รางวัลกับตัวเองสักหน่อย เช่น
ออกไปแฮงเอาท์กับเพื่อน ๆ ซื้อของขวัญเป็นรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ตัวเอง
หรือลาพักร้อนเดินทางไปพักผ่อนตามต่างจังหวัด
หลังจากที่หน้าดำคร่ำเครียดจนทำงานได้บรรลุเป้าหมายตามแผนที่วางไว้
9. อย่าเก็บทุกอย่างมาคิดมากจนเกินไป
นับเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก
ที่ในชีวิตการทำงานคุณจะไม่เคยถูกเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานตำหนิ
ทั้งในเรื่องของงานหรือนิสัยส่วนตัว อย่างไรก็ตาม อย่าได้เก็บคำติเตียนต่าง ๆ
มาคิดมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้คุณมีอคติต่อพวกเขาโดยไม่มีเหตุผล
เพราะบางครั้งคุณก็ผิดจริง ซึ่งทางที่ดีให้รับฟังปัญหาด้วยความเข้าใจ
แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขจะดีกว่า เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำสอง
10. เลิกบ่น
แล้วลงมือทำ
เวลาผลงานที่ทำออกมาไม่เป็นอย่างที่หวัง
คุณอาจจะพร่ำบ่นกับตัวเองหรือเพื่อนบ้างมันก็เป็นเรื่องธรรมดา
ทว่าหากมัวมานั่งบ่นแต่ไม่ลงมือทำ ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ซ้ำร้ายยิ่งทำให้ตัวเองหัวเสียหนักกว่าเดิม
เพราะใจคุณยังหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว จะดีกว่ามั้ย
ถ้าเปลี่ยนจากสิ้นเปลืองพลังงานทางลมปาก มาใช้คิดและลงมือปฏิบัติแทน
เห็นไหมล่ะว่า อันที่จริงเส้นบาง ๆ ระหว่าง ความสุข กับ ความทุกข์
มันก็แค่นิดเดียว อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกมองมุมไหน และหวังอะไรจากงานที่ทำอยู่
ขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับสุขภาพ จาก เว็บไซต์มติชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น