น้ำนมแม่คืออาหาร
ที่ดีและวิเศษสุดของมวลมนุษย์ เป็นอาหาร แห่งความเอื้ออาทรของ แม่สู่ลูก
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นศิลปะแห่งความสวยงามของชีวิต
เพราะน้ำนมแม่ไม่เพียงแต่จะทำให้ลูกอิ่มท้องและสร้างความเจริญเติบโตด้านร่างกายของลูกได้อย่างเหมาะสมเท่านั้น
แต่ยังพัฒนา จิตใจของแม่และลูกได้อย่างดีเลิศ
ทำไมต้องเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
คุณแม่รู้หรือไม่ว่าตัวคุณแม่เองสามารถสร้างความ ฉลาดให้ลูกได้
ด้วยการให้ลูกกินนมแม่ถึง แม้ว่าความฉลาด (ไอคิว)
จะขึ้นอยู่กับสิ่งสำคัญ 3 อย่างคือ กรรมพันธุ์จากพ่อแม่
การเลี้ยงดู และอาหาร ที่เหมาะสม แต่การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นตัวช่วยสำคัญ
ที่ทำให้สมองลูกเจริญเติบโตดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะว่า
1. นมแม่มีสารไขมันที่จำเพาะสำหรับสมองทารกแรกเกิดในระยะ
6 เดือนแรก ร่างกายยังสร้างน้ำย่อยไขมันไม่ได้เต็มที่
นมแม่ก็มีน้ำย่อยไขมันมาด้วย
ดังนั้นสารไขมันในนมแม่จึงถูกนำไปใช้สร้างสมองลูกได้อย่างเต็มที่
ต่างจากไขมันที่โฆษณาในนมผสม
2. นมแม่มีสารอาหารอื่นๆ
กว่า 200ชนิดที่จะช่วยเสริมการพัฒนาสมองและจอประสาทตา
3. เด็กกินนมแม่สมองดี
ตาเห็นได้ดี ช่วยส่งเสริม พัฒนาการมากขึ้น
4. ขณะที่ลูกกินนมแม่
ลูกจะอยู่ในอ้อมกอดของแม่ วันละอย่างน้อย 7-8 ครั้ง
5. การอุ้มลูกเป็นการช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัส
ทำให้เซลล์สมองมีการโยงใยมากขึ้น ยิ่งโยงใยมาก สมองก็ยิ่งฉลาดมาก ถ้าสัมผัสน้อย
การโยงใยก็น้อยกว่า สมองส่วนนั้นก็จะฝ่อไปในที่สุด
ทำไม 6 เดือนแรกให้นมแม่อย่างเดียว
ชื่อว่ามีหลายคนสงสัยคำแนะนำที่ผ่านมาคือ
เริ่มให้อาหารเสริมลูกพร้อมนมแม่เมื่อลูกอายุ 4
เดือน แต่ปัจจุบันกลับแนะนำให้นมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือนสมัยเมื่อ 50 ปีที่แล้ว กินนมแม่ กินข้าวและกินกล้วย
ตั้งแต่ 2 เดือน กินน้ำส้มคั้น 1เดือน
คือการแสดงความรักของพ่อแม่ ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2522
พบว่าควรจะกินนมแม่อย่างเดียว 4 เดือน
ตอนนั้นไม่มีใครกล้าระบุ ไป4-6 เดือน
เหตุที่ 4-6 เดือน เพราะพบเด็กที่กินนมแม่ผสมข้าว
เจ็บป่วยบ่อยเมื่อเทียบกับเด็กที่กินนมล้วนๆ... เวลาผ่านไป 20 ปี องค์การอนามัยโลก ประกาศปี พ.ศ. 2545 ว่า
กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน เพราะว่ามีข้อมูลการศึกษาใหม่ๆ
ยืนยันว่า การให้นมแม่อย่างเดียวที่ยาวนานขึ้น มีผลดีต่อเด็กๆ มากกว่า
นั่นคือลดโอกาสการเกิดโรคท้องเสีย โรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้
รวมทั้งส่งผลดีต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กมากกว่าด้วย
ดังนั้น ขอให้คุณแม่เชื่อมั่นว่า 6 เดือนแรกลูกกินนมแม่อย่างเดียว
ลูกไม่ขาดน้ำไม่ขาดอาหาร อย่างแน่นอน ที่สำคัญเท่ากับได้เริ่มต้นสิ่งดีๆ
ให้กับชีวิตลูกน้อย นั่นคือ
1. ระยะ 6 เดือนแรก สมองลูกเติบโตเร็วมาก นมแม่เหมาะกับสมองที่โตเร็ว
2. ระยะ 6 เดือนแรก ทางเดินอาหารลูกยังย่อยอาหารอื่นได้ไม่ดี นมแม่ย่อยง่ายที่สุด
3. ระยะ 6 เดือนแรก ลูกยังสร้างภูมิคุ้มกัน ได้ไม่ดี นมแม่มีภูมิคุ้มกันมาด้วย
4. ระยะ 6 เดือนแรก กระเพาะอาหารมีขนาดเล็กนิดเดียว ยืดหยุ่นได้ไม่มาก
ถ้าได้อาหารอื่น นอกจากไปแย่งที่แล้วอาหารเหล่านี้มีสารอาหารสู้นมแม่ไม่ได้
การให้ลูกกินอาหารอื่นด้วย
จะทำให้ลูกมีโอกาสเจ็บป่วยบ่อยกว่า
เพราะมีโอกาสจะรับเชื้อโรคที่ปนมากับอาหารเหล่านั้นได้มาก
รวมทั้งมีโอกาสแพ้โปรตีนที่ มากับนมผสมหรืออาหารอื่นด้วย และอาหารอื่นเหล่านี้
รวมถึงน้ำด้วย นอกจากจะไปแย่งที่นมแม่แล้ว ทำให้ ลูกอิ่มและดูดนมแม่น้อยลง
แม่ก็จะสร้างน้ำนมได้น้อยลง และนมแม่ก็จะหมดไปในที่สุด
นมแม่ดีอย่างไร
ภูมิคุ้มกันจากแม่ถึงลูก
นมแม่มีภูมิคุ้มกัน มีเซลล์คอยดักจับเชื้อโรค สารย่อยสลายเชื้อโรค
สารต่อต้านการติดเชื้อต่างๆ ที่ทำงาน ประสานและรวมพลังกัน นอกจากนี้
ในนมแม่มีสารภูมิคุ้มกันที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ระบบทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ
ช่วยกำจัดเชื้อโรค มีวิตามินเอและสารเร่งการเจริญเติบโต ของเยื่อบุทางเดินอาหาร
ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายลูกน้อย ได้ยากขึ้น ภูมิคุ้มกันเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทารกเพราะลูกวัยนี้ยังสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่ดี
ปกติแล้วเด็กแรกเกิดทุกคนได้รับภูมิคุ้มกันเชื้อโรค จากแม่ผ่านทางสายสะดือ
ถ้าให้ลูกกินนมแม่ ลูกก็จะได้รับภูมิคุ้มกันจากนมแม่เพิ่มอีกทาง กลายเป็นสองแรงแข็งขันช่วยป้องกันลูกจากเชื้อโรคได้มากยิ่งขึ้น
ลูกแข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย
นมแม่ระยะ 1 สัปดาห์แรกเป็นยอดน้ำนม เรียกว่า
โคลอสตรัม หรือหัวน้ำนม เป็นน้ำนมที่มีภูมิคุ้มกันสูงสุด
คุณแม่ควรให้ลูกได้กินหัวน้ำนมนี้ แม้ว่าตอนหลังจะไม่ต้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็ตาม เด็กที่กินนมแม่จะมีโอกาสเจ็บป่วยน้อยกว่าเด็กที่กินนมผสม ประมาณ 2-7
เท่า และลดโอกาสเกิดโรคลำไส้อักเสบในเด็กแรกเกิดถึง 20 เท่า ส่วนโรคอื่นๆ ก็ลดโอกาสเกิดได้ 2-5.5 เท่า เช่น
โรคท้องเสีย ปอดบวม หูชั้นกลางอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ภูมิแพ้
และเบาหวาน
ลดภูมิแพ้
ช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต การทำงาน ของส่วนต่างๆ
ยังไม่เท่าผู้ใหญ่ เยื่อบุลำไส้ยังไม่แข็งแรง
น้ำย่อยอาหารยังไม่เพียงพอที่จะย่อยอาหารเหล่านี้
สารช่วยย่อยหรือสารภูมิคุ้มกันยังทำงานไม่เต็มที่ ถ้าให้ลูกกินอาหารอื่น
เช่น นมผง ข้าว กล้วย ลูกก็ยังย่อยได้ไม่ดี
นำไปสู่การแพ้ได้ปัจจุบันพบโรคแพ้โปรตีนนมวัวมากขึ้น
หากลูกน้อยกินนมแม่เพียงอย่างเดียว จะได้โปรตีนจากนมแม่ที่จำเพาะสำหรับลูกคน
ไม่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ แต่ถ้าให้ลูกกินนมผสมก็จะได้โปรตี
นนมวัว
ซึ่งสำหรับร่างกาย ลูกวัย 6 เดือนแรกถือเป็นสิ่งแปลกปลอม ร่างกาย
ของลูกบอบบางไม่สามารถกำจัดออกไปได้ อาจเกิดอาการแพ้
อารมณ์ดี อีคิวเพียบ
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
นอกจากลูกฉลาดแล้ว ลูกอารมณ์ดี เลี้ยงง่าย ไม่ร้องไห้โยเยบ่อยๆ การให้ลูกกินนมแม่
แม่โอบกอด สัมผัสระหว่างแม่และลูก ทำให้ลูกเกิดความอบอุ่น รู้สึกถึงความรัก
ที่แม่มอบให้ ลูกก็จะเกิดความสุขขึ้นในใจ เมื่อลูกมีความสุข ก็เลี้ยงง่าย ไม่โยเย
ร่างกายของแม่เองก็หลั่งสารที่ทำให้แม่มีความสุข อารมณ์ดี ขณะให้นมลูก หากแม่ได้สบตา ยิ้มกับลูก ชวนลูก พูดคุย
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกให้ค่อยๆ
ซึมซับสิ่งที่ดีวันละเล็กละน้อย นำไปสู่การมีอารมณ์ที่ดี อิ่มอุ่นรัก ด้วยนมแม่
ขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับแม่และเด็ก จาก มูลนิธิหมอชาวบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น